การหลบหนีที่ไม่คาดคิดของเหล่าทหารและตำรวจที่ไม่อาจทำตามคำสั่งได้ ในเมียนมาร์

จากสถานะการณ์ดังที่กล่าวถึงมาแล้วที่ได้เกิดขึ้นกันอยู่ในขณะนี้กับประเทศเมียนมาร์นั้นมีการก่อรัฐประหารกันเกิดขึ้น ก็เลยทำให้สถานะการณ์ยิ่งแย่ลงกว่าเดิมเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมกับการก่อโกลาหลของเหล่าผู้ประชุมที่ปรารถนาออกมาเรียกร้องความยุติธรรมรวมทั้งความเป็นประชาธิปไตยของพวกเขากันนั้นเองจะมองเห็นได้ว่า มีเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความร้ายแรงไม่น้อยเลยทีเดียวที่เกิดขึ้นตามสถานที่ต่างๆภายในประเทศเมียนมาร์ที่ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกการปฏิวัติรวมทั้งใช้อิทธิพลในทางที่ไม่ถูกของเมืองทหารกันนั้นเอง ในส่วนของการจลาจลที่เกิดขึ้นนี้เองก็เลยได้มีการจัดชุดคำสั่งของกรุ๊ปทหารให้เข้าไปปราบเหล่ากรุ๊ปผู้ประชุมที่เข้ามาทำให้เกิดความปั่นป่วนในขณะนี้เองจะมีให้มองเห็นกันแล้วว่าเริ่มจะมีความร้ายแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆกว่าเดิมกันนั้นเอง ยิ่งจะมองเห็นได้ว่าการสั่งการให้ปราบนั้นเองก็มีให้มองเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งด้านในกองทัพทหารที่ได้รับคำบัญชากลุ่มนี้กันมานั้นเองก็เกิดไอเดียที่แตกต่างสำหรับการใช้อิทธิพลของตนที่ไม่ต้องการที่จะอยากรังแกพสกนิกร ก็เลยมีการเลือกใช้แนวทางของการหนีออกนอกประเทศเพื่อหนีข้อผิดพลาดของการขัดคำบัญชาที่ออกคำสั่งมานั้นเอง

จากการพิจารณาและก็การไปพบมองเห็นต่างก็จะพบว่ามิได้มีเพียงแค่ทหารที่หนีจากสถานะการณ์นี้เพียงอย่างเดียว แม้กระนั้นยังมีกรุ๊ปตำรวจที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายที่ไม่อยากรังควานประชากรมารวมตัวอยู่ในทางออกของประเทศเพื่อนบ้านตรงตามแถบริมตลิ่งประเทศอินเดียที่มีให้มองเห็นกันแล้วว่ามีความต้องการแอบหนี หลบซ่อนจากเรื่องราวดังที่กล่าวมาข้างต้นที่เกิดขึ้นนั้นเอง จากการเข้าเสวนาทุกคนต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ต้องการที่จะอยากที่จะปฏิบัติตามคำบัญชาของนายที่มีการให้รังแกราษฎรที่ตนเองได้มีการป้องกันอยู่กันแล้ว เมื่อได้มองเห็นกันแล้วว่าสำหรับคำบัญชาของการเป็นทหารนั้นก็มีแนวความคิดต้านกันอยู่ภายในประเทศทางเมียนมาร์กันนั้นเอง ยิ่งทำให้การออกมาต้านของกรุ๊ปหัวหน้าโลกที่ต้องการที่จะให้เลิกข้อโต้แย้งของการก่อเหตุอลหม่านนี้ได้มีความสงบเงียบเป็นดังเดิมนั้นเอง ก็มีการหาลืมใช้ขั้นตอนการต่างๆที่กำลังเริ่มจะมีการสัมมนาเพื่อหาข้อความเห็นชอบสำหรับการวินิจฉัยคราวนี้กันนั้นเอง